Synchronicity พลิกชะตา
หนังสือเล่มนี้มีพลังชีวิต และให้แรงบันดาลใจลึกซึ้ง แต่ไม่ง่ายเลยที่จะนิยาม ถึงแม้บางคนจะบอกว่ามันเกี่ยวกับเรื่อง ‘การนำ’ (Ieadership) ก็ตาม แต่นั่นดูจะเป็นการตีกรอบเนื้อหาไว้แคบไปสักนิด
‘พลิกชะตา’ บอกเล่าถึงการแสวงหาภายในของผู้เขียนและวิถีทางที่เขาเข้าไปสัมพันธ์กับโลกภายนอก ซึ่งค่อยๆ ทำให้เราเห็นภาพว่า ทางสองเส้นนี้คือเส้นทางเดียวกันหรือผูกโยงเข้าด้วยกันอย่างไร มันไม่ได้แยกจากกันอย่างที่เราเข้าใจ มากกว่านั้น การแสวงหานี้ที่สุดแล้วก็เดินตามรอยการแสวงหาที่ถูกขับดันเร่งเร้าอยู่ในตัวเราทุกคนมาตลอด (The Hero’s Journey) ฉะนั้น ในเรื่องเล่าของผู้เขียนจึงมีเรื่องราวของเราแฝงอยู่อย่างแยกไม่ออกในหลายๆ ทาง
ในฐานะที่เป็นตัวกำหนดประสบการณ์ชีวิต และพลังของสิ่งที่เราทำ หนังสือเล่มนี้ให้ความสำคัญกับภาวะที่เราเป็น (being) เมื่อเปรียบกับสิ่งที่เราทำ (doing) ด้วยเพราะเราอยู่ในโลกที่ต้องทำสารพัดสิ่งเพื่อตอบสนองเงื่อนไขสารพัดอย่าง จนเราคิดว่าสิ่งสำคัญสูงสุดคือการต้อง ‘ทำสิ่งใด’ มากว่า ‘เป็นสิ่งใด’ หรือ ‘ดำรงอยู่ในสภาวะใด’ – และสูญเสียภาพกว้างของชีวิตไป
ผู้เขียนปะติปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน ในแบบที่ทำให้เรารู้สึกถึงภาวะที่ เรา คนอื่น โลกภายใน โลกภายนอก จิตวิญญาณ วิทยาศาสตร์ อดีต อนาคต ถูกถักทอถ่ายเทเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ถึงโลกแห่งความเป็นไปได้ที่เปิดรอรอเราอยู่ และชวนให้เราพิศวงกับกระบวนการของชีวิตอีกครั้ง
เราอาจอ่าน ‘พลิกชะตา’ ได้ในหลายระดับ ทั้งในระดับชีวิตส่วนตัวและการงานส่วนรวม แต่ไม่ว่าจะระดับใด มันจะกระตุ้นให้เราใคร่ครวญถึงวิถีทางที่ชีวิตสื่อสารและนำทางเรา ถึงธรรมชาติเนื้อแท้ของสรรพสิ่งถึงสิ่งที่ ‘ชีวิตง และ ‘อนาคต’ เรียกร้องจากเราอยู่ไม่เว้นวาย
ให้ ‘พลิกชะตา’ ได้ปลุกเราจากส่วนลึก ให้มันได้ให้ความเชื่อมั่นลึกๆ บางอย่างแก่เราในยามที่เราหวั่นไหวโรยแรง สับสนจากหาทางไปไม่เจอ ให้เราได้รู้สึกอย่างเงียบงันว่า หนทางนั้นมีอยู่ ขอเพียงเรามีศรัทธาต่อชีวิตมากพอ มีศรัทธาต่อตัวเองลึกซึ้งพอ ... และรู้วิธี ‘ฟัง’
ใช่ !! หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของ ‘การนำ’ – แต่เป็น ‘การนำ’ ในความหมายที่ลึกล้ำยิ่ง หลายมิติยิ่ง มันคือการนำพาชีวิตตัวเองและสังคมนี้ไปยังดินแดนที่ใจเราโหยหา ผ่านแบบแผนชีวิตอันเฉพาะตัวของเราเอง