เหมันตคาม Snow Country
โลกในนวนิยายของคาวาบาตะนั้นเป็นโลกที่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว.แต่ก็ใน เหมันตคาม เรื่องนี้แหละที่เราจะสัมผัสได้ถึงความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวดังกล่าวนี้ ได้ถนัดถนี่ยิ่งกว่าจากงานวรรณกรรมชิ้นอื่นในของเขา.
-Edward G. Seidensticker
คือหนึ่งเกิดไฟไหม้ขึ้นที่โรงเลี้ยงไหมอันกลายเป็นโรงหนังประจำหมู่บ้านโกมาโกะและชิมามูระกระหืดกระหอบไปที่นั่นพร้อมผู้คนอีกโขยงหนึ่งความตื่นตระหนกของโกมาโกะผมเผ้าอันรุ่ยร่ายของเธอ เสียงหอบหายใจกระเส่าของเธอ ผิวพรรณอันแดงซ่านาไปทั่วเนื้อตัวของเธอ มันทำให้ชิมามูระบังเกิดกำหนัดฉุกเฉินขึ้นมา! ใครเคยพบเห็นตัวละครตัวไหนในวรรณกรรมเรื่องไหนที่มีขวัญราคะแข็งกล้าเทียมฟ้าอย่างสมจริงเช่นนี้บ้าง?
-แดนอรัญ แสงทอง
เรื่องราวของชายหนุ่มชนชั้นกลางจากเมืองหลวงผู้เดินทางโดยรถไฟในฤดูหนาว ลอดอุโมงค์เหยียดยาวเพื่อไปเสพสุขทางกายยังเมืองชนบทของญี่ปุ่นแห่งหนึ่งซึ่งถูกหิมะปกคลุม
ในการเดินทางครั้งที่สอง เขามีโอกาสพบเจอ ลอบมองเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งร่วมตู้โดยสารเดียวกัน ก่อนจะพบว่าเธอลงสถานีเดียวกับตน
นั่นคือจุดเริ่มแห่งนาฎกรรมชีวิตของสองหญิงหนึ่งชายซึ่งตกอยู่ภายใต้แรงขับเคลื่อนแห่งตัณหาที่อาจเรียกว่า ความรัก ความใคร่ ความหลงใหล และแรงปรารถนา ที่อยากผลักพาตัวเองให้หลุดพ้นไปจากความยากไร้ขัดสนประดามี กระทั่งหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
แทนที่ผู้ประพันธ์จะบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ อันส่งผลให้ตัวเรื่องพัฒนาไปตามขนบนวนิยายแนวโศกนาฎกรรมคาวาบาตะกลับเลือกรายงานภูมิทัศน์ และบันทึกสภาพแสนสามัญในชีวิตประจำวันอันโดดเดี่ยวเปลี่ยวดายราวกับว่าทุกสิ่งล้วนมีคุณค่าความหมาย..
ข้อควรตราไว้ให้จงหนัก เพื่อจะได้ไม่หลงลืมโดยเด็ดขาดในระหว่างไล่สายตาไปตามแถวตัวหนังสือของนวนิยายเรื่องนี้ก็คือ ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนคือภาพในสายตาและห้วงนึกมุมมองของตัวละครเอกฝ่ายชายเท่านั้น!
เช่นนี้แล้วจึงมิอาจหมายถึงอะไรอื่น นอกจากความแยบยลแห่งเชิงชั้นกลวิธีที่หมายชำแหละสภาวะจิตใจของผู้คนจนถึงแก่น โดยอาศัยการสาธิตพฤติกรรมเป็นตัวสื่อมากกว่าบอกเล่าทื่อๆ และนี่ก็คือคาวาบาตะ! บิดาแห่งการอมความโดยแท้